หลอดไฟถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ค่อยให้แสงสว่างยามค่ำคืน การเลือกซื้อหลอดไฟให้เหมาะกับสถานที่อยู่อาศัย  อาคารบ้านเรือน จึงสำคัญอย่างมาก เพื่อแสงสว่างที่เพียงพอต่อสถานที่นั้นๆ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป ปัจจุบันหลอดไฟได้มีการพัฒนาออกมาหลายประเภท เช่น หลอด LED หลอดฟลูออเรสเซนต์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะเฉพาะตัว และหลักการเลือกหลอดไฟเราดูจากอะไรบางนอกจากดูกำลังวัตต์  ขั้วหลอด และแสง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในการเลือกซื้อ เรามาทำความเข้าใจเบื้องต้น ดังนี้

 

     ขั้วหลอดไฟ

ขั้วหลอดไฟนั้นเป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องดู โดยสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่คือ แบบเกลียว และแบบเขี้ยว

 

1. ขั้วหลอดไฟแบบเกลียว

ขั้วหลอดแบบเกลียว ลักษณะของขั้วหลอดคือเป็นลักษณะเกลียวๆ ก็ต้องไปซื้อชนิดแบบที่เป็นเกลียวเหมือนกันเพื่อหมุนให้มันเข้ากันได้ เพราะถ้าเข้ากันไม่ได้ ก็ไม่มีทางที่ไฟจะสว่างได้

 

2. ขั้วหลอดไฟแบบเขี้ยว

ขั้วหลอดแบบเขี้ยว โดยลักษณะก็จะตามชื่ออีกเช่นเดิมคือจะแง่งเหมือนเขี้ยว เป็นล็อคที่ต้องใช้หลอดไฟแบบเขี้ยวมาเกี่ยวกันถึงจะทำงานได้

ประเภทของหลอดไฟ

1. หลอด LED

       หลอด LED เป็นหลอดไฟทางเลือกใหม่ คุณภาพสูง ตัวไส้หลอดนั้นไม่มีสารประหลอด หรือสารเรืองแสง จึงไม่มีการเผาไส้หลอด ทำให้ไม่เกิดความร้อน จุดเด่นคือ ปราศจากรังสี UV ช่วยถนอมสายตา ไม่เกิดอันตรายต่อผิวพรรณ กินไฟน้อย แต่ให้ความสว่างมาก และประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่น มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สูงสุดถึง 8,000-60,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 5 ปี ขึ้นไป

 

2. หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์

       หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกียบ บางครั้งก็เรียกว่าหลอดประหยัดไฟ ใช้สำหรับแทนหลอดไส้ มีขนาดกระทัดรัด อายุการใช้งานยาวนานขึ้นประหยัดไฟยิ่งขึ้น ประหยัดไฟร้อยละ 75-80 ของหลอดไส้ ให้กำลังส่องสว่างยิ่งขึ้น แต่ยังคงมีรังสี UV และสารปรอท หลอดประเภทนี้ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายๆชนิดตามลักษณะการใช้งาน มีทั้งแบบขั้วเกลียวและขั้วเสียบ มีบัลลาสต์ภายนอกหรือในตัว เป็นต้น

 

3. หลอดฟลูออเรสเซนต์

       หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือที่เรียกกันว่า หลอดนีออน ราคาถูกกว่าหลอด LED มีประสิทธิภาพการให้แสงสว่างมากถึง 4 เท่า อายุการใช้งานยาวนานขึ้น เมื่อเทียบกับหลอดไส้ ตัวหลอดไฟไม่ร้อนจึงประหยัดพลังงาน แต่ข้อเสียคือ มีสารปรอท ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ต้องระมัดระวังอย่างมากเมื่อหลอดชนิดนี้แตก และควรทิ้งอย่างถูกวิธี

 

4. หลอดไส้

       หลอดไส้หรืออินคานเดสเซนต์ เป็นหลอดไฟรุ่นแรกๆที่มีการพัฒนาแล้วก็ถูกใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ราคาถูกที่สุด ตัวหลอดนั้นทำมาจากทังสเตน จึงให้เกิดความร้อนที่สูง แต่ประสิทธิภาพในการส่องสว่างต่ำ ข้อเสียหลอดชนิดนี้เนื่องจากหลอดใช้พลังงานความร้อนสูงมาก หลอดชนิดนี้จึงกินไฟมาก และอายุการใช้งานอยู่ที่ 1,000-1,500 ชม.ซึ่งค่อนข้างสั้น แต่หลอดไฟชนิดนี้สามารถใช้กับสวิทช์หรี่ไฟเพื่อปรับระดับแสง จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

 

5. หลอดไฟเอดิสัน

       หลอดไฟเอดิสัน หรือเป็นที่รู้จักกันว่า หลอดไฟวินเทจ เป็นหลอดไฟที่เลียนแบบมาจากหลอดไฟแบบไส้  แต่นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสมผสานแต่ยังคงกลิ่นอายแบบย้อนยุค โดยหลักการทำงานในการให้แสงสว่างเป็นแบบเดียวกับหลอดไฟ LED  ประหยัดไฟและใช้งานได้นานกว่าหลอดไส้ทั่วไป ซึ่งอายุการใช้งานยาวนานถึง 20,000 ชั่วโมง

 

Lume&Watt

       กำลังวัตต์เป็นสิ่งหนึ่งที่เราดูเวลาเลือกซื้อหลอดไฟ แต่หลายคนมักเข้าใจผิดว่า กำลังวัตต์ที่เยอะ “แสงไฟยิ่งสว่าง” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก แท้จริงแล้วค่าความสว่างของแสงเราต้องดูจาก “ค่าลูเมน” เพราะลูเมนยิ่งสูงยิ่งสว่างหากคุณต้องการประหยัดแต่อยากได้ค่าสว่างสูง ค่อนข้างจะเป็นได้ยาก ซึ่งตามหลักการแล้ว ถ้าลูเมนสูงกำลังวัตต์ก็จะสูงตามไปด้วย

 

       วัตต์(Watt)  คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าเป็นตัวบอกกำลังไฟที่ต้องใช้ของอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนั้น เช่น หลอดไฟ 30 วัตต์ แสดงว่ากินไฟ 30 วัตต์

       ลูเมน(Lumen)  คือ หน่วยวัดความสว่างของหลอดไฟ เช่น หลอดไฟ 10 วัตต์ ให้ความสว่าง 120 ลูเมน แสดงว่า หลอดไฟดวงนี้ให้ความสว่าง 120 ลูเมน

 

       อย่างไรก็ตาม หลอดไฟนั้นมีหลายประเภทที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการใช้หลอดไฟก็จะมีความแตกต่างกันตามสถานที่การใช้งาน เพื่อให้ห้องเกิดแสงสว่างที่เพียงพอต่อความต้องการ คุณสามารถอ่านรายละเอียดการซื้อหลอดไฟได้จากข้างกล่องผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบในการตัดสินใจซื้อได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่